เป็นอีกหนึ่งผลงานวิจัยดี ๆ ที่ได้รับการเผยแพร่ออกมาจาก Yale School of Public Health เพื่อเตือนสติเหล่ามนุษย์เงินเดือนและกลุ่มวัยทีนทั้งหลายเกี่ยวกับทัศนคติ มุมองของชีวิตในช่วงอายุต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยชรา ซึ่งพบว่า เพียงแค่คุณมีทัศนคติแนวลบต่อวัยชราว่าเป็นวัยที่มีโอกาสจะเกิดโรคภัยต่าง ๆ ได้มาก ความเป็นไปได้ที่สิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้นในชีวิตวัยชราของคุณก็มีสูงขึ้นแล้ว
ศาสตราจารย์เบคคา เลวี่ (Becca Levy) นักวิจัยด้านระบาดวิทยาและจิตวิทยาจาก Yale School of public health คือผู้ที่ออกมาเปิดเผยผลงานวิจัยดังกล่าว โดยระบุว่า "ถ้าหากคนรุ่นหนุ่มสาวมีทัศนคติในเชิงลบต่อชีวิตวัยชรา เช่น คนชราคือคนที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เจ็บป่วยง่าย สิ่งเหล่านั้นเปรียบเสมือนการบอกตัวเองให้มุ่งไปข้างหน้าในทิศทางนั้น และทำให้โอกาสที่เขาจะตกอยู่ในสภาพดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้น"
งานวิจัยชิ้นนี้ได้ทำการติดตามผลยาวนานมาก โดยเริ่มเก็บข้อมูลตั้งแต่ปี ค.ศ. 1986 (ปี พ.ศ. 2529) จากผู้เข้าร่วมการตอบแบบสอบถามทั้งสิ้น 386 รายที่มีอายุระหว่าง 18 - 49 ปี ในจำนวนนี้เป็นผู้ชาย 305 ราย และผู้หญิง 81 ราย ซึ่งทีมผู้วิจัยได้มีการสอบถามเกี่ยวกับทัศนคติต่าง ๆ ของพวกเขาเกี่ยวกับวัยชรา เช่น คุณคิดอย่างไรกับประโยคที่ว่า คนชราคือคนที่ขาดที่พึ่ง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เป็นต้น
ในปี ค.ศ.2007 นักวิจัยกลุ่มนี้ได้กลับไปสอบถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของผู้ตอบแบบสอบถามอีกครั้ง ถึงปัญหาทางด้านสุขภาพที่พวกเขาได้ประสบ เช่น โรคหัวใจ หัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือการอุดตันของเส้นเลือดในสมอง โดยคณะวิจัยพบว่า 25 เปอร์เซ็นต์ของคนที่มีทัศนคติในเชิงลบต่อวัยชรา จะมีอาการของโรคหัวใจ แต่ในผู้ที่ตอบแบบสอบถามแล้วมีทัศนคติในเชิงบวกจะพบกับอาการด้านโรคหัวใจเพียง 13 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
"มุมมองในเชิงลบต่อชีวิตเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การใช้ชีวิตของคน ๆ นั้นมีความตึงเครียดมากขึ้น" เลวี่กล่าว
แม้ว่าการวิจัยครั้งนี้จะไม่สรุปผลว่า ทัศนคติเชิงลบต่อชีวิตวัยชราจะมีผลโดยตรงกับโรคภัยต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น โรคหัวใจ ปัญหาเส้นเลือดหัวใจตีบ ของบุคคลนั้น ๆ แต่ทางทีมวิจัยพบว่า สองสิ่งนี้มีความเชื่อมโยงกัน
ด้านศาตราจารย์ S. Jay Olshansky จากSchool of Public Health ของมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า "แน่นอนว่า ปัญหาสุขภาพในวัยชราไม่ใช่เกิดจากผลของความเชื่อ หรือการมีทัศนคติเชิงบวก เพราะสุขภาพก็คือสุขภาพ ไม่ใช่คิดว่ามีความสุขแล้วสุขภาพจะดีแต่อย่างใด"
"สิ่งที่เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งคือ การที่พวกเขาเหล่านั้นมีญาติพี่น้องวัยชรา หรือพ่อแม่ที่สุขภาพดี นั่นทำให้พวกเขาได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างเสริมสุขภาวะที่ดีให้กับชีวิตตนเองมากกว่า อีกทั้งการได้เห็นผู้สูงอายุในครอบครัวของตนเองมีสุขภาพดี ก็ยิ่งทำให้คนเหล่านี้มีทัศนคติที่ดีต่อวัยชราของตนเองมากยิ่งขึ้นไปด้วย"
ศาสตราจารย์เบคคา เลวี่ (Becca Levy) นักวิจัยด้านระบาดวิทยาและจิตวิทยาจาก Yale School of public health คือผู้ที่ออกมาเปิดเผยผลงานวิจัยดังกล่าว โดยระบุว่า "ถ้าหากคนรุ่นหนุ่มสาวมีทัศนคติในเชิงลบต่อชีวิตวัยชรา เช่น คนชราคือคนที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เจ็บป่วยง่าย สิ่งเหล่านั้นเปรียบเสมือนการบอกตัวเองให้มุ่งไปข้างหน้าในทิศทางนั้น และทำให้โอกาสที่เขาจะตกอยู่ในสภาพดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้น"
งานวิจัยชิ้นนี้ได้ทำการติดตามผลยาวนานมาก โดยเริ่มเก็บข้อมูลตั้งแต่ปี ค.ศ. 1986 (ปี พ.ศ. 2529) จากผู้เข้าร่วมการตอบแบบสอบถามทั้งสิ้น 386 รายที่มีอายุระหว่าง 18 - 49 ปี ในจำนวนนี้เป็นผู้ชาย 305 ราย และผู้หญิง 81 ราย ซึ่งทีมผู้วิจัยได้มีการสอบถามเกี่ยวกับทัศนคติต่าง ๆ ของพวกเขาเกี่ยวกับวัยชรา เช่น คุณคิดอย่างไรกับประโยคที่ว่า คนชราคือคนที่ขาดที่พึ่ง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เป็นต้น
ในปี ค.ศ.2007 นักวิจัยกลุ่มนี้ได้กลับไปสอบถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของผู้ตอบแบบสอบถามอีกครั้ง ถึงปัญหาทางด้านสุขภาพที่พวกเขาได้ประสบ เช่น โรคหัวใจ หัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือการอุดตันของเส้นเลือดในสมอง โดยคณะวิจัยพบว่า 25 เปอร์เซ็นต์ของคนที่มีทัศนคติในเชิงลบต่อวัยชรา จะมีอาการของโรคหัวใจ แต่ในผู้ที่ตอบแบบสอบถามแล้วมีทัศนคติในเชิงบวกจะพบกับอาการด้านโรคหัวใจเพียง 13 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
"มุมมองในเชิงลบต่อชีวิตเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การใช้ชีวิตของคน ๆ นั้นมีความตึงเครียดมากขึ้น" เลวี่กล่าว
แม้ว่าการวิจัยครั้งนี้จะไม่สรุปผลว่า ทัศนคติเชิงลบต่อชีวิตวัยชราจะมีผลโดยตรงกับโรคภัยต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น โรคหัวใจ ปัญหาเส้นเลือดหัวใจตีบ ของบุคคลนั้น ๆ แต่ทางทีมวิจัยพบว่า สองสิ่งนี้มีความเชื่อมโยงกัน
ด้านศาตราจารย์ S. Jay Olshansky จากSchool of Public Health ของมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า "แน่นอนว่า ปัญหาสุขภาพในวัยชราไม่ใช่เกิดจากผลของความเชื่อ หรือการมีทัศนคติเชิงบวก เพราะสุขภาพก็คือสุขภาพ ไม่ใช่คิดว่ามีความสุขแล้วสุขภาพจะดีแต่อย่างใด"
"สิ่งที่เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งคือ การที่พวกเขาเหล่านั้นมีญาติพี่น้องวัยชรา หรือพ่อแม่ที่สุขภาพดี นั่นทำให้พวกเขาได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างเสริมสุขภาวะที่ดีให้กับชีวิตตนเองมากกว่า อีกทั้งการได้เห็นผู้สูงอายุในครอบครัวของตนเองมีสุขภาพดี ก็ยิ่งทำให้คนเหล่านี้มีทัศนคติที่ดีต่อวัยชราของตนเองมากยิ่งขึ้นไปด้วย"
ที่มา : หนังสือพิมพ์ ผู้จัดการ
http://primafan.tk
Tags : keyword,facebopok,google,attrction,aimstar, amway, business, mlm, network,sex,thaiflood,marketing, prima life time, freedom, monney, agel, smartlift, primafan, nipon, niponlive,niponfans, ธุรกิจ, เครือข่าย, เอ็มแอลเอ็ม, รายได้, สุขภาพ, ลดนำหนัก ,เงิน, ดี, ความสุข, อาชีพ, ยั่งยืน, มั่นคง,สวยงาม,สินค้า,ประโยชน์,ดี,เสริมอาหาร,สมาร์ ลิฟ,ขายตรง,ธุรกิจเครือข่าย,น้ำท่วม,จุดอ่อน,
http://primafan.tk
Tags : keyword,facebopok,google,attrction,aimstar, amway, business, mlm, network,sex,thaiflood,marketing, prima life time, freedom, monney, agel, smartlift, primafan, nipon, niponlive,niponfans, ธุรกิจ, เครือข่าย, เอ็มแอลเอ็ม, รายได้, สุขภาพ, ลดนำหนัก ,เงิน, ดี, ความสุข, อาชีพ, ยั่งยืน, มั่นคง,สวยงาม,สินค้า,ประโยชน์,ดี,เสริมอาหาร,สมาร์ ลิฟ,ขายตรง,ธุรกิจเครือข่าย,น้ำท่วม,จุดอ่อน,